อัตราดอกเบี้ยใหม่...ไฉไลต่อลูกหนี้...
-
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มีบทบัญญัติที่กำหนดอัตราดอกเบี้ยใช้บังคับมาตั้งแต่ พ.ศ
.2468 ถึงปัจจุบัน พ.ศ.2564 เป็นเวลา 95 ปีมาแล้วซึ่งถือว่าใช้บังคับมาเป็นระยะเวลานานโดยไม่ได้มีการ
แก้ไขปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาพการณ์และสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ประกอบกับการระบาดของ
โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างกว้างขวาง ทำให้
ประชาชนจำนวนมากมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้น อัตราดอกเบี้ยตามที่กำหนดในประมวลกฎหมายแพ่งและ
พาณิชย์ซึ่งให้มานาน จึงไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้เป็นภาระอย่างมากต่อลูกหนี้ซึ่ง
เป็นผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรวมทั้งประชาชนทั่วไปและก่อให้เกิดความเสี่ยงสูงที่
จะทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ จึงเป็นเหตุผลและที่มาในการปรับปรุงแก้ไขอัตราดอกเบี้ยและ
กำหนดวิธีการในการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับสภาพการณ์และสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
หลักเกณฑ์ในการปรับเปลี่ยนใหม่ที่สำคัญ มี 3 เรื่อง คือ
1.อัตราดอกเบี้ย (อัตราเดิม 7.5 % - อัตราใหม่ 3 %)
ในกรณีที่หากจะต้องเสียดอกเบี้ยแก่กันและมิได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้โดยนิติกรรมหรือโดย
บทกฎหมายอันชัดแจ้ง ให้ใช้อัตราร้อยละสามต่อปี (มาตรา 7 วรรคหนึ่ง)
ซึ่งอัตราร้อยละสามต่อปีนี้ ยังเปิดโอกาสให้สามารถปรับเปลี่ยนให้ลดลงหรือเพิ่มขึ้นเพื่อให้
สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศได้โดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา โดยปกติให้กระทรวงการ
คลังพิจารณาทบทวนทุกสามปีให้ใกล้เคียงกับอัตราเฉลี่ยระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากกับอัตราดอกเบี้ย
เงินให้กู้ยืมของธนาคารพาณิชย์ (มาตรา 7 วรรคสอง)
2.อัตราดอกเบี้ยผิดนัด (อัตราเดิม 7.5 % - อัตราใหม่ 5 % )
หนี้เงินนั้น ให้คิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดในอัตราที่กำหนดตามมาตรา 7 บวกด้วยอัตรา
เพิ่มร้อยละสองต่อปี ถ้าเจ้าหนี้อาจจะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่านั้นโดยอาศัยเหตุอย่างอื่นอันชอบด้วยกฎหมาย
ก็ให้คงส่งดอกเบี้ยต่อไปตามนั้น นั่นหมายความว่า ดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราที่กำหนดตามมาตรา 7 คือ 3 %
แล้วบวกเพิ่มอีก 2 % รวมแล้วจึงเป็น 5% แต่อย่างไรก็ตามถ้าเจ้าหนี้อาจจะเรียกดอกเบี้ยได้สูงกว่านั้นโดย
อาศัยเหตุอย่างอื่นอันชอบด้วยกฎหมาย ก็ให้คงส่งดอกเบี้ยต่อไปตามนั้น (ซึ่งก็ต้องไม่เกินอัตราดอกเบี้ยสูง
สุดที่กำหนดได้ตามกฎหมาย)
3.วิธีการคิดดอกเบี้ยผิดนัด (ของเดิม คิดดอกเบี้ยผิดนัดจากต้นเงินทั้งหมด - ของใหม่ คิดดอกเบี้ย
ผิดนัดเฉพาะจากต้นเงินของงวดที่ผิดนัดเท่านั้้น)
ถ้าลูกหนี้มีหน้าที่ผ่อนชำระหนี้เงินเป็นงวด และลูกหนี้ผิดนัดไม่ชำระหนี้ในงวดใด เจ้าหนี้อาจ
เรียกดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดได้เฉพาะจากต้นเงินของงวดที่ลูกหนี้ผิดนัดนั้น และหากมีการกำหนด
ข้อตกลงใดขัดกับข้อความที่กำหนดนี้ข้อตกลงนั้นมีผลเป็นโมฆะ (มาตรา 224/1)
สำหรับการแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในส่วนที่กล่าวมาทั้งหมดนี้มีการประกาศราชกิจจา
นุเบกษาในวันที่ 10 เมษายน 2564 ซึ่งให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เป็นต้นไป (บังคับใช้ 11 เมษายน 2564)
อัตราดอกเบี้ยที่แก้ไขใหม่และวิธีการคิดดอกเบี้ยผิดนัดนี้จะไม่กระทบกระเทือนถึงการคิดดอกเบี้ย
ในระหว่างช่วงเวลาก่อนที่พระราชกำหนดฯ นี้ใช้บังคับแต่อย่างใด/.
-
ความรู้กฎหมาย โดย อ.เกด ศิวาพร คารวนันท์