≤≤ ปัจจุบันได้มีการแก้ไข ป.วิ.อ. (ฉบับที่ 28) เมื่อปี 2551
โดยมีบทบัญญัติเพิ่มเติม
มาตรา 233 วรรคสอง ว่า ในกรณีที่จำเลยเบิกความเป็นพยาน
คำเบิกความของจำเลย ย่อม
ใช้ยันจำเลยนั้นได้
และศาลอาจรับฟังคำเบิกความนั้นประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้
บทบัญญัติมาตรา 233 วรรคสอง
ดังกล่าวจึงกลับหลักการตามคำพิพากษา
ศาลฎีกาฉบับนี้ และคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 853/2532 (ประชุมใหญ่)
แต่เนื่องจาก
บทบัญญัติมาตรา 233 วรรคสอง มีผลเป็นโทษแก่จำเลย ดังนั้น
ย่อมไม่มีผลย้อนหลัง
ในปัญหาว่าบทบัญญัติมาตรา 233 วรรคสอง จะมีผลเมื่อใดนั้น
ผู้เขียนเห็นว่าควรจะมีผล
แต่เฉพาะการเบิกความของจำเลยหลังจากวันที่ ป.วิ.อ. (ฉบับที่ 28)
มีผลบังคับใช้คือวันที่
8 กุมภาพันธ์2551 หมายเหตุโดย อ.พรเพชร
วิชิตชลชัย อ่านต่อ.....
≤≤ ประเด็นเรื่องเครื่องหมายการค้า ว่า ทำให้สาธารณชนสับสนหลงผิดในความเป็น
เจ้าของหรือไม่ เพราะกรณีของโจทก์เป็นสินค้ากลุ่มคอมพิวเตอร์ โดยคำว่า INTEL
เป็นคำประดิษฐ์
จากคำว่า Integrated ประกอบคำว่า Electronics
ส่วนกรณีของอีกฝ่ายใช้กับสินค้าลิปสติก ซึ่ง
เป็นกรณีที่ห่างไกลกันมาก ซึ่งเหตุผลที่จะนำมาวินิจฉัยอยู่ตรงที่ว่า
เมื่อเป็นเครื่องหมายการค้าที่มี
ชื่อเสียงแพร่หลาย เป็นที่รู้จักคุ้นเคยของบุคคลโดยทั่วไปแล้ว
การนำเครื่องหมายการค้าดังกล่าว
มาเป็นส่วนประกอบ
ก็จะทำให้สาธารณชนนึกถึงเชื่อมโยงไปถึงเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไปด้วย
ดังนั้น จึงไม่ใช่พิจารณาเฉพาะความเป็นสินค้าต่างจำพวกกันเท่านั้น
ต้องดูถึงสภาพของข้อเท็จจริงต่าง ๆ
และเงื่อนไขปัจจัยอื่นประกอบด้วย หมายเหตุโดย อ.สุพิศ ปราณีตพลกรัง
อ่านต่อ....
≤≤ มีข้อสังเกตว่า หากเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจนครบาลยานนาวา ซึ่งจับกุมจำเลยได้
ในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลวัดพระยาไกร
ได้นำตัวจำเลยไปส่งให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจ
นครบาลวัดพระยาไกร และพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลวัดพระยาไกรซึ่งมีอำนาจสอบสวน
แต่ได้ทำหน้าที่รับผิดชอบในการสอบสวนด้วย กรณีเช่นนี้
คงต้องถือว่าเป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบ เพราะ
ขณะที่จับได้นั้น ได้มีการ พบ
การกระทำความผิดฐานนี้ในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลยานนาวา
มาก่อนหน้านั้นแล้ว
อำนาจรับผิดชอบในการสอบสวนจึงเป็นของท้องที่สถานีตำรวจนครบาลยานนาวาเท่านั้น
หมายเหตุโดย อ.เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์
อ่านต่อ.....