กรณีศึกษาจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6757/2560
-
จำเลยทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์ 595,500 บาท ตกลงชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 1
ต่อเดือน จำเลยได้รับเงินที่กู้ยืมครบถ้วนแล้ว หลังจากทำสัญญาจำเลยไม่ชำระต้นเงิน
คงชำระดอกเบี้ย 4 ครั้ง รวมเป็นเงิน 6,550 บาท การที่โจทก์ส่งข้อความทางเฟสบุ๊ค
ถึงจำเลยมีใจความว่า เงินทั้งหมด 670,000 บาท ไม่ต้องส่งคืน ยกให้หมด ไม่ต้อง
ส่งดอกอะไรมาให้ จะได้ไม่ต้องมีภาระหนี้สินติดตัว การส่งข้อมูลดังกล่าวเป็นการ
สนทนาผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ถือว่าเป็นการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์
จึงต้องนำ พ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544 มาตรา 7 ถึง มาตรา 9
มาใช้บังคับด้วย แม้ข้อความนี้จะไม่มีการลงลายมือชื่อโจทก์ก็ตาม แต่การส่งข้อความ
ทางเฟสบุ๊คจะปรากฏชื่อผู้ส่งด้วยและโจทก์ก็ยอมรับว่าได้ส่งข้อความถึงจำเลยจริง
ข้อความการสนทนาดังกล่าวจึงรับฟังได้ว่า เป็นการแสดงเจตนาปลดหนี้ให้แก่จำเลย
โดยมีหลักฐานเป็นหนังสือตาม ป.พ.พ. มาตรา 340 แล้ว หนี้ตามสัญญากู้ยืมย่อมระงับ
จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
-
ข้อสังเกตจากคำพิพากษาศาลฎีกา (โปรดอ่านคำพิพากษาฉบับยาว จากระบบ
สืบค้นฯ มิติที่ 1)
กรณีตามคำพิพากษาศาลฎีกานี้ ในประเด็นที่จำเลยอ้างว่า จำเลยส่งข้อความทาง
เฟสบุ๊คถึงจำเลยว่า “เงินทั้งหมด 670,000 บาท ไม่ต้องส่งคืนให้แล้ว ยกให้หมดไม่ต้อง
ส่งดอกอะไรมาให้ จะได้ไม่ต้องมีภาระหนี้สินติดตัว” เป็นการประชดไม่มีเจตนายก
หนี้ให้จริงนั้น
ในการวินิจฉัยคดี ศาลเห็นว่า ข้อความการสนทนาดังกล่าว รับฟังได้ว่าเป็นการ
แสดงเจตนาปลดหนี้ให้แก่จำเลยโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่ง
และพาณิชย์ มาตรา 340 แล้ว หนี้ตามสัญญากู้ยืมย่อมระงับ ที่โจทก์อ้างว่า โจทก์ไม่มี
เจตนาที่จะปลดหนี้ให้จำเลย แต่ทำไปเพราะความเครียดต้องการประชดประชันจำเลย
นั้นโจทก์ไม่อาจยกเหตุดังกล่าวขึ้นอ้างเพื่อให้เจตนาที่แสดงออกไปนั้นตกเป็นโมฆะ
เพราะไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้รู้ถึงเจตนาที่ซ่อนอยู่ภายในของโจทก์
พยานหลักฐานของจำเลยมีน้ำหนักให้รับฟังได้มากกว่าพยานหลักฐานของโจทก์
ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าจำเลยได้รับการปลดหนี้จากการกู้ยืมเงินตามสัญญากู้ยืมเงินแล้ว
จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระหนี้แก่โจทก์โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
มีข้อสังเกตว่า คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เพราะเห็นว่า ข้อความดังกล่าวเป็น
การแสดงเจตนาปลดหนี้ ทำให้หนี้ระงับ แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษากลับว่า ให้
จำเลยชำระเงิน 595,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 12 ต่อปี และในที่สุดศาล
ฎีกาได้พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นให้ยกฟ้อง เพราะหนี้ระงับแล้ว โจทก์
ไม่มีสิทธิเอาสัญญาดังกล่าวมาฟ้องจำเลยได้.
-
สอบถามปัญหาการเรียนกฎหมายได้ที่ อ.พิชัย โชติชัยพร
อีเมล์ altlimited@yahoo.com