มียาบ้า 15 เม็ด จะพิสูจน์ต่อสู้ได้หรือไม่ว่า ไม่ได้มีไว้เพื่อจำหน่าย
แต่เดิม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 บัญญัติการกระทำความผิดไว้
โดยกฎหมายบัญญัติเป็นข้อสันนิษฐานเด็ดขาดว่าหากมีปริมาณยาเสพติดตามจำนวน
ที่กำหนดไว้ ถือว่าผู้นั้นกระทำความผิดตามที่กำหนด
เช่น นายไก่ มียาเสพติด 15 เม็ดไว้เสพ เมื่อถูกจับจะถูกดำเนินคดีข้อหามียาเสพติดไว้
เพื่อจำหน่าย ซึ่งอัตราโทษ คือ จำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 1 ล้านบาท ถึง 5 ล้านบาท
หรือประหารชีวิต
นั่นหมายความว่า นายไก่ ไม่สามารถสืบพยานเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าตนแค่เสพไม่ได้
จำหน่ายได้เลย เพราะการที่กฎหมายถือว่า...เป็นการบัญญัติกฎหมายในลักษณะ
ปิดปาก(คือ ห้ามพิสูจน์เพื่อให้เห็นเป็นอย่างอื่น)
แต่ปัจจุบันได้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ โดยพระราชบัญญัติยาเสพติด
ให้โทษ (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2560 ได้เปิดโอกาศให้ผู้กระทำความผิดหรือจำเลยมีช่องทางได้
ต่อสู้หรือพิสูจน์ความจริงได้ โดยแก้ไขจากเดิมบัญญัติเป็น "ข้อสันนิษฐานเด็ดขาด" มาเป็น
"ข้อสันนิษฐานเบื้องต้น" เท่านั้น
จึงทำให้สามารถสืบพยานเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความผิดได้
กฎหมายฉบับใหม่นี้ คงเป็นการให้ความเป็นธรรมแก่ผู้กระทำผิด ได้มีความหวังมากขึ้น
ในการต่อสู้คดี แต่หากมองถึงทิศทางในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดนั้นคง
เป็นการยากที่จะจัดการปัญหานี้ให้หมดไป